เริ่มแรกในการซื้อรถ ผู้ซื้อรถควรจะกำหนดงบประมาณ และรุ่นที่ตนเองต้องการไว้ก่อน จากนั้นเมื่อได้รุ่นที่ตนเองต้องการ เต็นท์รถจะเป็นแหล่งความรู้พื้นฐานที่ดีสำหรับผู้ซื้อรถครับ สิ่งที่ผมต้องการให้ดูคือ “ เครื่องยนต์ ” เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ผู้ซื้อรถส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่า รถรุ่นไหนมีเครื่องยนต์รุ่นไหน ดังนั้นเวลาดูพยายามจำเครื่องยนต์ให้ได้ก่อนครับ เพื่อที่เวลาซื้อจริงๆ จะได้ไม่โดนรถที่เปลี่ยนเครื่องยนต์มา นอกจากนั้นก็พยายามถามราคาและจำอุปกรณ์เสริมต่างๆ ด้วยก็ดีครับ ลองเปรียบเทียบสัก 2-3 คัน คุณก็จะได้ข้อมูลตรงส่วนนี้แล้วครับ
ขั้นที่สอง เริ่มหารถที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่แล้ว ราคารถบ้านจะถูกกว่ารถเต็นท์ แต่บางคันก็ไม่ใช่ เนื่องจากราคารถเต็นท์มักจะอิงจากราคากลางบวกกำไร แต่ราคารถบ้านมักจะตั้งตามความต้องการของผู้ขาย ดังนั้นเวลาหารถให้พิจารณาราคาประกอบด้วยครับ พยายามหาจากหลายๆ แหล่งเช่น จากเต็นท์รถ , หนังสือรถ หรือรถที่ประกาศขายตามเวบไซค์ต่างๆ ถึงตรงนี้คุณจะได้รถที่เป็นตัวเลือกไว้แล้วครับ
ขั้นที่สาม ไปดูรถ เวลาไปดูรถ ถ้าเป็นคุณผู้หญิงแนะนำว่าไม่ควรไปเพียงคนเดียวครับ และสถานที่ดูนั้น ควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยด้วยนะครับ ส่วนวิธีการดูรถแบบง่ายๆ ก็มีขั้นตอนดังนี้ครับ
1. ดูเครื่องยนต์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ เปรียบเทียบกับข้อมูลที่คุณมีครับ ถ้าไม่ตรงกันก็ลองถามผู้ขายดู ถ้าไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนก็ไม่ควรซื้อครับ
2. รถบางคันก็จะติดเครื่องเสียงมาใหม่ และมักจะอ้างราคาเครื่องเสียงเพื่อเพิ่มราคารถ ตรงนี้ต้องพิจารณาให้เองว่า คุ้มหรือเปล่า เช่น ติดมา 1 แสน จะมาบวก 1 แสนก็เกินไปครับ
3. ดูใต้ท้องรถครับ เช่น คัดซี มีการตัดต่อหรือเปล่า ยางหุ้มต่างๆ และรอยน้ำมันที่อาจจะรั่วหรือซึมครับ ปกติใต้ท้องรถนี่อาจจะไม่ค่อยได้ดูกัน เพราะไม่สะดวก วิธีง่ายๆ อีกอย่างคือ ดูสถานที่ที่รถจอดว่ามีรอยน้ำหรือน้ำมันที่พื้นหรือเปล่าครับ
4. ดูว่ารถเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ วิธีดูก็ใช้หลักง่ายๆ ครับ คือ “ ดูที่ตะเข็บ ” ครับ รถที่ออกจากโรงงานรอยตะเข็บต่างๆ จะดูเป็นระเบียบ แต่ถ้าชนมาและมีการซ่อม รอยตะเข็บจะดูไม่เรียบร้อย สามารถดูรูปประกอบได้ครับ
โดยบริเวณที่รถมักจะชน คือ
ด้านหน้า เปิดฝากระโปง หน้า แล้วดูรอยตะเข็บ ตามแนว ขอบรถด้านข้าง ตามลักษณะการชนคือ
1. ชนมุม รอยตะเข็บที่มุม จะไม่เรียบร้อย
2. ชนตรงๆ รอยตะเข็บที่มุมทั้ง 2 ฝั่ง จะไม่เรียบร้อย
3. ชนด้านข้าง ให้ดูรอยตะเข็บด้านข้าง จะไม่เรียบร้อย
4. ถ้าชนหนักจนยุบมาถึงห้องเครื่อง ให้ดูรอยตะเข็บตามรูป จะไม่เรียบร้อย
5. ถ้าชนไม่แรง ให้สังเกตุกันชน จะไม่พอดีการโครงรถ เช่น มีช่องว่างเกิดขึ้น
ด้านหลัง เปิดกระโปงหลังและเปิดผ้าคลุมขึ้น แล้วดูรอยตะเข็บที่เรียกว่า “ รอยแปรงปัด ”
วิธีการดูการเหมือนกับด้านหน้าทุกอย่าง แต่ถ้าชนหนักให้ดูที่รอยแปรงปัดครับ จะไม่เป็นระเบียบ
ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง เปิดประตูออกให้หมด แล้วดูความเรียบร้อยของโครงสร้างครับ
โดยปกติจะดูยากครับ เพราะจะไม่มีรอยตะเข็บให้ดู ถ้าไม่แรงมาก ความเสียหายมักจะไม่ถึงตัวโครงรถ จะเสียหายเพียงประตู สำหรับความคิดของผมถือว่า ไม่เป็นเรื่องใหญ่ครับ แต่ถ้าต้องการดูก็ลองดูรอยตะเข็บบริเวณขอบประตูและตัวบานพับครับ
หลังคา (เกิดจากการพลิกคว่ำ) เปิดประตูออกแล้วดูรอยตะเข็บ บริเวณคานหน้ารถ เพราะปกติถ้ารถพลิกคว่ำแล้วมักจะยุบบริเวณคานหน้ารถ
5. ทดลองขับครับ ส่วนที่ต้องดูคือ
1. ลองขับแล้วปล่อยพวงมาลัยดูว่ามีการกิน ซ้าย หรือ ขวา หรือเปล่า ถ้ามีลองเข้าศูนย์ ตรวจสอบดู เพราะอาจจะเกิดการชนแล้วทำให้ศูนย์เสียได้
2. ดูว่าเครื่องมีปัญหาหรือเปล่า หลักง่ายๆ คือ ไม่ควรสั่น , เดินเรียบและควันที่ออกไม่ควรดำ (สำหรับรถดีเซล) หรือ ขาว (สำหรับรถเบนซิล)
3. สังเกตเกียร์ ถ้าเกียร์ Auto เวลาเปลี่ยนมีการกระตุกหรือเปล่า ส่วนเกียร์ธรรมดาให้ลองว่าเข้าเกียร์ยากหรือเปล่า
4. สังเกตระบบปรับอากาศว่าใช้งานได้ดีหรือเปล่า
5. ระบบไฟต่างๆ เช่น ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟหน้า ไฟหลัง และไฟในห้องโดยสาร
6. เบาะนั่งทุกตัว โยกหรือเปล่า
7. เข็มขัดนิรภัยยังใช้ได้หรือเปล่า โดยการดึงแรงๆ ถ้าดึงแล้วติดถือว่าใช้ได้
ขั้นสุดท้ายจ่ายเงิน โอนรถ ไม่ควรใช้วิธีโอนลอย คือ จ่ายเงิน แล้วก็จบ ไม่ไปโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ สละเวลาเพียงครึ่งวัน หรือให้บริษัทที่รับโอนแทน จัดการ เพื่อความถูกต้องและไม่เกิดปัญหาทีหลังครับ
บทความจาก www.motor2car.com
เทคนิคในการดูรถยนต์มือสอง
- โดย : Admin
- โพสเมื่อ : อังคารที่ 09 พฤศจิกายน 2553 15:11:22
ความคิดเห็น
-
ความคิดเห็นที่ 1ขอบคุณนะค่ะที่แนะนำสารดีๆเกี่ยวกับการดูรถมือสอง พอดีกำลังหาข้อมูลค่ะโดย : สุโพสเมื่อ : จันทร์ที่ 23 กันยายน 2556 21:34:01แจ้งลบความคิดเห็น